เลือกหน้า

ประกาศความเป็นส่วนตัวสำหรับผู้สมัครงาน พนักงาน และบุคลากรของบริษัท 

(บริษัท-บริษัทย่อย)

(Privacy Notice for Job Applicants, Employees, and Personnel of the Company)

 

ประกาศ ณ วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ.2566

 

          บริษัท ละแมน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “บริษัท”) ให้ความสำคัญกับการคุ้มครอง ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องของผู้สมัครงาน พนักงาน และบุคลากรของบริษัท (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “ท่าน”) และเพื่อเป็นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับแก้ไขเพิ่มเติมใดๆ ที่อาจมีขึ้นในอนาคต (“กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”) บริษัทจึงได้จัดทำประกาศความเป็นส่วนตัวของผู้สมัครงาน พนักงาน และบุคลากรของบริษัท (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “ประกาศ”) ฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งให้ท่านทราบถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บ รวบรวม การใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังต่อไปนี้

 

  1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกเก็บรวบรวม

          บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพียงเท่าที่จำเป็นแก่การดำเนินงานของบริษัทตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในประกาศฉบับนี้ และตามขอบเขตและใช้วิธีการที่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งรวมถึงข้อมูลดังต่อไปนี้

ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคล

รายละเอียดข้อมูล

ข้อมูลส่วนบุคคลพื้นฐาน

1.       ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคล เช่น ชื่อ-นามสกุล อายุ วันเดือนปีเกิด เพศ ชื่อเล่น รูปถ่าย น้ำหนัก ส่วนสูง สัญชาติ เลขประจำตัวประชาชน เลขที่หนังสือเดินทาง เอกสารยืนยันตัวตนของคนต่างด้าว หรือข้อมูลยืนยันตัวตนอื่นๆ ที่ทางหน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่ราชการออกให้ ภาพถ่าย วิดีโอและบันทึกเสียง ภาพหรือบันทึกจากกล้องวงจรปิด (CCTV)[1]

2.       ข้อมูลการติดต่อ เช่น ที่อยู่ปัจจุบัน ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล บัญชีสื่อสังคมออนไลน์

3.       ข้อมูลคุณสมบัติส่วนบุคคล เช่น ประวัติการศึกษาและผลการศึกษา วุฒิการศึกษา ประวัติการฝึกอบรม งานอดิเรก ทักษะทางภาษา ทักษะความสามารถอื่นๆ

4.       ข้อมูลเกี่ยวกับการจ้างงาน เช่น ข้อมูลตามเอกสารที่ท่านส่งมอบให้แก่บริษัท เช่น Resume, Curriculum Vitae (CV) จดหมายสมัครงาน ประวัติการทำงาน หนังสือขออนุญาตเข้าฝึกงานจากสถานศึกษาหรือมหาวิทยาลัย ใบอนุญาตในการประกอบวิชาชีพ ข้อมูลการทำงานในอดีต เอกสารรับรองการทำงาน เอกสารรับรองเงินเดือนจากที่ทำงานล่าสุด เหตุผลการลาออกจากงาน การเป็นกรรมการบริษัท และ/หรือ นิติบุคคลอื่น ข้อมูลจากการทดสอบหรือสัมภาษณ์ และข้อมูลในเอกสารแสดงสิทธิในการทำงาน รวมถึงใบอนุญาตทำงาน และ/หรือ หนังสือตรวจลงตรา (Visa) เป็นต้น

5.       ข้อมูลด้านทรัพยากรบุคคล เช่น บันทึกเกี่ยวกับการจ้างงานของท่านกับบริษัท เช่น ประวัติการจ้างงาน รหัสพนักงาน สายการบังคับบัญชา ผลการปฏิบัติงาน บันทึกการเข้าออกงาน ข้อมูลการใช้สิทธิตามข้อบังคับการทำงาน/ กฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองแรงงาน หนังสือเตือน ใบลาออก หนังสือเลิกจ้าง เหตุผลการลาออกและข้อมูลประกอบการลาออก การปรับตำแหน่งงาน การโยกย้าย เป็นต้น

6.       ข้อมูลเกี่ยวกับผลประโยชน์และค่าจ้าง เช่น รายละเอียดการจ่ายค่าจ้างและผลประโยชน์อื่นของท่าน เงินบำนาญและสวัสดิการ (เช่น ค่าอาหารกลางวัน) กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ การทำประกันภัย สิทธิประกันสังคม หมายเลขประกันสังคม การเบิกใช้สวัสดิการ

7.       ข้อมูลทางการเงิน เช่น เงินเดือน รายการเงินได้และรายการหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนภาษีเพื่อการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ข้อมูลการหักภาษี ณ ที่จ่าย เลขที่บัญชีธนาคารและข้อมูลทางธนาคาร เลขประจำตัวผู้เสียภาษี รายละเอียดการลดหย่อนภาษี

8.       ข้อมูลเกี่ยวกับครอบครัว เช่น สถานภาพการสมรส ข้อมูลสมาชิกในครอบครัว และบุคคลที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน ข้อมูลเกี่ยวกับบุตรของพนักงานสำหรับประกอบการหักลดหย่อนภาษีเพื่อการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

9.       ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ข้อมูลการสื่อสารผ่านอีเมลของบริษัท ข้อมูลจากการบันทึกการใช้งาน เช่น ตัวระบุอุปกรณ์ หมายเลข IP address ของคอมพิวเตอร์ ข้อมูลที่บริษัทได้เก็บรวบรวมผ่านคุกกี้ (Cookies) หรือเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายกัน ข้อมูลเบราว์เซอร์และข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ท่านใช้เพื่อเข้าถึงเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น และช่องทางการสื่อสารอื่นๆ ของบริษัท เช่น ประวัติในการเยี่ยมชม ค้นหา และปฏิสัมพันธ์ของท่านกับเว็บไซต์ของบริษัท[2]

10.   ข้อมูลอื่นๆ ได้แก่ สถานภาพการเกณฑ์ทหาร เลขที่ใบอนุญาตขับขี่ เลขทะเบียนรถยนต์ ข้อมูลจากการทำแบบทดสอบสมัครงาน

ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว

ได้แก่ ข้อมูลสุขภาพ (เช่น โรคประจำตัว และความพิการ) หมู่โลหิต เชื้อชาติ ศาสนา ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลชีวภาพ  ข้อมูลจากการทำแบบทดสอบสมัครงานที่มีลักษณะเป็นข้อมูลอ่อนไหว

          ทั้งนี้ ในกรณีที่ท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่จำเป็นต่อการปฏิบัติตามสัญญา หรือเพื่อเข้าทำสัญญา หรือเพื่อให้บริษัทดำเนินการตามกฎหมาย บริษัทอาจปฏิเสธการดำเนินการใดๆ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง
การทําธุรกรรมใดๆ ระหว่างท่านกับบริษัท และการดำเนินการเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ของท่านตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างงาน 

  1. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ และตามฐานในการประมวลผล                   ข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้

วัตถุประสงค์

ฐานในการประมวลผล                   ข้อมูลส่วนบุคคล

1.    เพื่อดำเนินกระบวนการสรรหาและพิจารณาคัดเลือกผู้สมัครงานที่เหมาะสมกับตำแหน่งงาน เพื่อดำเนินการตรวจสอบประวัติและคุณสมบัติก่อนการจ้างงาน ตลอดจนถึงเพื่อการเสนอการจ้างงาน จัดทำสัญญาจ้างงาน หรือสัญญาอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการว่าจ้าง รวมถึงเพื่อดำเนินกระบวนการอื่นใดที่เกี่ยวข้องสำหรับพนักงานใหม่

•       การปฏิบัติตามสัญญา

•       ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

2.    เพื่อการบริหารจัดการงานด้านทรัพยากรบุคคลของบริษัท เช่น                    การจัดทำข้อมูลพนักงาน การตรวจสอบเวลาเข้าออกงาน การทำงานล่วงเวลาหรือทำงานในวันหยุด การบริหารจัดการวันหยุดพักผ่อนประจำปี การพิจารณาเกี่ยวกับการลา การขอหนังสือรับรองการทำงาน การแต่งตั้ง โยกย้าย หรือเปลี่ยนแปลงตำแหน่งงาน การปรับอัตราเงินเดือน การให้หนังสือเตือน การลาออก หรือการเลิกจ้าง

•       การปฏิบัติตามสัญญา

•       ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

3.    เพื่อดำเนินกิจกรรมใดๆ ที่เกี่ยวข้องในทางการที่จ้าง เช่น การมอบหมายงาน การประเมินผลการปฏิบัติงาน การมอบอำนาจเพื่อปฏิบัติงาน การให้รางวัลหรือทุนการศึกษา การฝึกอบรม สัมมนาหรือดูงาน การเข้าร่วมประชุม หรือเข้าร่วมกิจกรรมใดๆ ทั้งภายในและภายนอกบริษัท ซึ่งบริษัทอาจมีความจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นให้กับ ผู้ให้บริการภายนอก เพื่อจัดเตรียมที่พัก รถโดยสาร อาหาร และสถานที่ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

•       การปฏิบัติตามสัญญา

•       ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

•       ความยินยอม

 

 

4.    เพื่อดำเนินการชำระค่าจ้าง ค่าตอบแทน หรือเพื่อจัดให้มีสวัสดิการและสิทธิประโยชน์แก่พนักงาน เช่น การตรวจสุขภาพประจำปี การทำประกันสุขภาพหรือประกันอุบัติเหตุสำหรับพนักงาน การเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนหรือผลประโยชน์อื่นๆ ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย การจัดให้มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

•       การปฏิบัติตามสัญญา

 

5.    เพื่อดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น การหักและชำระภาษี การหักเงินประกันสังคม การจัดตั้งคณะกรรมการสวัสดิการ เจ้าหน้าที่ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทํางาน รวมถึงการดำเนินการอื่นใดตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน หรือกฎหมายอื่น

•       การปฏิบัติตามกฎหมาย

6.    เพื่อการบริหารจัดการภายใน การตรวจสอบและกำกับดูแลการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพและเป็นไปตามกฎและข้อบังคับของบริษัท เช่น การตรวจสอบการใช้งานและการสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านบัญชีเครือข่าย หรือที่ได้ใช้อุปกรณ์ที่บริษัทได้ให้ไว้เพื่อปฏิบัติงาน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทรัพยากรสารสนเทศของบริษัทถูกใช้อย่างถูกต้อง เป็นไปตามนโยบายของบริษัทและกฎหมาย

•       การปฏิบัติตามกฎหมาย

•       ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

7.    เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณอาคารหรือสถานที่ของบริษัท

•       ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

8.    เพื่อจัดการข้อมูลของอดีตพนักงานของบริษัท โดยบริษัทมีความจำเป็นจะต้องจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของอดีตพนักงานเพียงเท่าที่จำเป็น เพื่อเป็นบันทึกเกี่ยวกับการปฏิบัติงานในตำแหน่งหน้าที่นั้น เพื่อรักษาความต่อเนื่องทางธุรกิจ และเพื่อวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบในกรณีที่อาจเกิดข้อพิพาทตามกฎหมาย

•       ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

9.    เพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดตามที่ได้แจ้งไว้ต่อท่านแล้ว

•       ความยินยอม

 

          ในกรณีที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ตามที่ได้แจ้งไว้ข้างต้น บริษัทจะดำเนินการแจ้งวัตถุประสงค์ใหม่ให้ท่านทราบ และขอความยินยอมจากท่านเป็นหนังสือ หรือด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์

 

  1. วิธีเก็บรวบรวมและรับข้อมูลส่วนบุคคล

      บริษัทจะเก็บรวบรวมและรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านช่องทาง ดังต่อไปนี้

  • จากท่านโดยตรง เช่น สัญญาจ้างงาน การกรอกข้อมูลในใบสมัครงาน การให้ข้อมูลประวัติการทำงานโดยย่อผ่าน CV หรือเรซูเม่ (Resume) จดหมายสมัครงาน รวมไปถึงเอกสารยืนยันตัวตนหรือเอกสารประกอบการสมัครงานต่างๆ การสัมภาษณ์งาน หรือการยื่นคำร้องขอใช้สิทธิต่างๆ กับบริษัท หรือจากการทำแบบสอบถามด้วยความสมัครใจ การโต้ตอบทางอีเมล หรือช่องทางการสื่อสารอื่นๆ ระหว่างบริษัทกับท่าน หรือได้รับจากข้อมูลการใช้เว็บไซต์ผ่านเว็บเบราว์เซอร์ของท่าน เป็นต้น
  • จากบุคคลอื่น ได้แก่ ได้รับจากตัวแทนจัดหางาน เว็บไซต์สมัคร/หางาน ข้อมูลจากบุคคลอ้างอิงหรือผู้ให้การรับรอง หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง หรือบุคคลภายนอกที่ให้บริการจัดเก็บรวบรวมข้อมูล

 

  1. ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ เพื่อดำเนินการให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้ต่อและได้รับความยินยอมจากท่าน เป็นระยะเวลา ดังนี้

4.1    ผู้สมัครงานที่ไม่ได้รับการคัดเลือก บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลไว้เป็นระยะเวลา 2 ปี นับจากวันที่บริษัทแจ้งผลการคัดเลือกรับสมัครงานให้ทราบ เพื่อที่บริษัทจะสามารถติดต่อผู้สมัครงานดังกล่าวในกรณีที่มีตำแหน่งงานใดๆ ที่อาจเหมาะสมในอนาคต

4.2    สำหรับพนักงาน และบุคลากรของบริษัท บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลไว้เป็นระยะเวลา 10 ปี นับจากวันที่พ้นสภาพการเป็นพนักงานหรือบุคลากรของบริษัท เพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์ตรวจสอบกรณีอาจเกิดข้อพิพาทภายในอายุความตามที่กฎหมายกำหนด

           อย่างไรก็ตามบริษัทมีสิทธิเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนานกว่าระยะเวลาดังกล่าวข้างต้น หากเป็นไปเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือกฎหมายอื่น

           ทั้งนี้ เมื่อพ้นระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุข้างต้น หรือเมื่อหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทจะทำการทำลาย ลบ นำออกจากระบบ หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลได้

 

  1. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
    • บริษัทจะใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้วัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งและได้รับความยินยอมจากท่าน หรือเป็นไปตามหลักเกณฑ์ หรือได้รับยกเว้นตามที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น
    • บริษัทมีสิทธิเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลอื่น ดังเช่น หน่วยงานและบุคคลต่อไปนี้
      • พนักงาน ลูกจ้าง กรรมการ ผู้จัดการ บุคลากรของบริษัท เฉพาะที่เกี่ยวข้อง และมีบทบาทหน้าที่เท่าที่จำเป็นเพื่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวัตถุประสงค์เท่านั้น
      • พันธมิตร คู่ค้าทางธุรกิจ ผู้ให้บริการ ผู้รับบริการ ลูกค้า ตัวแทน ผู้รับจ้างหรือผู้รับจ้างช่วง นายหน้าที่ทำงานหรือให้บริการแก่บริษัท รวมถึงผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทมอบหมายให้ทำหน้าที่ดูแลรับผิดชอบ ให้บริการ หรือบริหารจัดการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ผู้ให้บริการพัฒนาปรับปรุงหรือดูแลรักษามาตรฐานความมั่นคงปลอดภัยของระบบงานและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ สถาบันการเงิน ผู้ให้บริการรับชำระเงิน บริษัทผู้รับประกันภัย ตัวแทนประกันชีวิตหรือตัวแทนประกันวินาศภัย บริษัทหลักทรัพย์ ที่ปรึกษา ผู้ให้บริการทางวิชาชีพ ผู้ให้บริการด้านการฝึกอบรมบุคลากร ผู้ให้บริการดูแล สนับสนุน หรือพัฒนาโปรแกรมช่วยเหลือในการสรรหาบุคลากร ระบบบัญชี ค่าตอบแทน ผลประโยชน์ และรบบของฝ่ายทรัพยากรบุคคลอื่นๆ
      • หน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมาย หรือหน่วยงานที่ร้องขอให้บริษัทเปิดเผยข้อมูลโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย อาทิเช่น การร้องขอข้อมูลเพื่อการฟ้องร้องหรือดำเนินคดีตามกฎหมาย หรือการร้องขอที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมาย เช่น กรมสรรพากร กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ศาล หน่วยงานระงับข้อพิพาท
    • ในกรณีที่มีความจำเป็น บริษัทมีสิทธิส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลอื่นในต่างประเทศ โดยในการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลในต่างประเทศดังกล่าวนั้น บริษัทจะดำเนินการตรวจสอบให้แน่ใจว่า บุคคลดังกล่าวมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด และ/หรือ ตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายไทยกําหนด
    • บริษัทมีสิทธิเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ภายใต้หลักเกณฑ์ตามกฎหมาย คำสั่ง กฎ ข้อบังคับ หรือ คำสั่งศาล เช่น การเปิดเผยข้อมูลต่อหน่วยงานราชการ หน่วยงานกำกับดูแล รวมถึงในกรณีที่มีความจำเป็นตามสมควรในการปฏิบัติตามสัญญา ตลอดจนการเปิดเผยข้อมูลในกรณีที่มีการปรับโครงสร้างองค์กร การควบรวมบริษัท หรือการขายกิจการ

 

  1. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับการจัดการกับข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิเกี่ยวกับการจัดการกับข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้

  • สิทธิในการได้รับการแจ้งจากบริษัทให้ทราบถึงรายละเอียดในการเก็บรวบรวม ระยะเวลาในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
  • สิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการให้บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ท่านให้ความยินยอมไว้ โดยบริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบถึงผลกระทบจากการเพิกถอนความยินยอมดังกล่าว ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมดังกล่าวย่อมไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไว้ก่อนหน้าการเพิกถอน
  • สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและขอทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่านซึ่งบริษัทเก็บรวบรวมไว้ รวมถึงการขอให้บริษัทเปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่ได้ให้ความยินยอมไว้
  • สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อให้บริษัทดำเนินการให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดต่อบุคคลใด
  • สิทธิในการแจ้งให้บริษัทดำเนินการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้ข้อมูลนั้นไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้
  • สิทธิในการระงับบริษัทในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เช่น เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ แต่ท่านมีความจำเป็นต้องขอให้เก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในการปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
  • สิทธิในการให้บริษัทโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่น ซึ่งโดยสภาพสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ
  • สิทธิในการคัดค้านบริษัทเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม การใช้ การเปิดเผย หรือการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
  • สิทธิในการยื่นข้อร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในกรณีที่บริษัทฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

          ท่านสามารถขอใช้สิทธิตามที่ระบุไว้ข้างต้นโดยยื่นคำร้องขอผ่านช่องทางการติดต่อที่ได้ระบุไว้ในข้อ 10. ทั้งนี้ บริษัทอาจปฏิเสธการใช้สิทธิดังกล่าวตามที่ได้ร้องขอ หากเป็นไปตามกฎหมายกำหนด

 

  1. ผลการเพิกถอนความยินยอม

          ท่านรับทราบว่า ท่านมีสิทธิพิจารณาเพิกถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยิมยอมแก่บริษัทไว้ ทั้งนี้ ท่านยอมรับและรับทราบว่า การเพิกถอนความยินยอมดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินการของบริษัทเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไว้ก่อนแล้ว

 

  1. การคุ้มครองและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล

          บริษัทให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นอย่างยิ่ง โดยบริษัทจะจัดให้มีมาตรการด้านการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่สอดคล้องกับกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และแนวปฏิบัติด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งมาตรการในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และด้านอื่นๆ เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะไม่สูญหาย ถูกทำลายโดยไม่ตั้งใจ ถูกเปิดเผย และนำไปใช้ในทางที่ผิดวัตถุประสงค์ หรือ เข้าถึงโดยบุคคลอื่นที่ไม่ใช่พนักงานหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท

          ในกรณีที่มีข้อมูลรั่วไหล และ/หรือ เหตุการณ์ละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะแจ้งเหตุและแนวทางการเยียวยาตามสมควรให้แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ชักช้านับแต่ทราบเหตุ

 

  1. การทบทวนและเปลี่ยนแปลงประกาศ

          บริษัทอาจทำการปรับปรุงหรือแก้ไขประกาศฉบับนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดตามกฎหมาย การเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานของบริษัท รวมถึงข้อเสนอแนะและความคิดเห็นจากหน่วยงานราชการต่างๆ โดยบริษัทจะประกาศแจ้งการเปลี่ยนแปลงของประกาศให้ท่านทราบก่อนจะเริ่มดำเนินการเปลี่ยนแปลงผ่านเว็บไซต์ของบริษัท ( https://www.lamairpalmoil.com/ ) หรือปิดประกาศไว้ ณ ที่ทำการบริษัท

 

  1. ช่องทางการติดต่อ

บริษัท ละแมน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน)

ที่อยู่:           17/21 ซอยสุขุมวิท 31 (สวัสดี) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร

โทรศัพท์:      02-1475378

อีเมล:          hr@lamairpalmoil.com

 

      ประกาศความเป็นส่วนตัวสำหรับผู้สมัครงาน พนักงาน และบุคลากรของบริษัทฉบับนี้ ให้มีผลบังคับใช้วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ.2566

 

 

 

[1] โปรดดูรายละเอียดการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลจากการใช้อุปกรณ์กล้องวงจรปิดใน “ประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวในการใช้อุปกรณ์กล้องวงจรปิด” ได้ที่ https://www.lamairpalmoil.com/  

[2] โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมใน “นโยบายการใช้คุกกี้” ที่ https://www.lamairpalmoil.com/

thThai